เมื่อวันที่ 5 เม.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานบริเวณหน้าวัดนางเล่ว หมู่ 4 ต.ชัยฤทธิ์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ว่า ได้มีการทำพิธีบวงสรวงเชิญแม่จำปีแก้ว ซึ่งเป็นต้นตะเคียนที่จมอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา มีอายุกว่า 100 ปี หลังจากที่ได้ประทับเข้าร่างของ น.ส.ศะศิกมล กล้าหาญ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นร่างทรง ร้องไห้บอกว่าตนเองชื่อแม่จำปีแก้ว เป็นต้นตะเคียนที่จมอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัดนางเล่ว มาเป็นเวลานานแล้ว ต้องอยู่อย่างลำบาก จึงอยากจะขอวอนให้ชาวบ้านช่วยนำต้นตะเคียนของแม่จำปีแก้วไปอยู่คู่กันกับศาล เจ้าแม่จำปาแก้วและกุมารปิ่นเพ็ชร ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ที่ชาวบ้านได้ร่วมใจกันสร้างศาลไว้บริเวณหน้าวัด
โดย น.ส.ศะศิกมล ร่างทรง ได้ทำพิธีบวงสรวงขอขมา จากนั้นรถแบ็กโฮที่จ้างมา ได้เข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณริมตลิ่ง ใช้เชือกผูกกับแขนของรถ แล้วค่อยๆ ดึงชิ้นส่วนของต้นตะเคียนขึ้นมาบนฝั่งทีละชิ้นด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากต้นตะเคียนจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน เกิดการผุกร่อน ซึ่งขณะที่กำลังนำต้นตะเคียนขึ้นมานั้น เจ้าแม่จำปีแก้วได้เข้าร่างของ น.ส.ศะศิกมลอีกครั้ง เพื่อช่วยชี้จุดให้โดยการใช้เศษก้อนดินโยนลงไปในแม่น้ำบริเวณที่ต้นตะเคียน จมอยู่ จนสามารถนำชิ้นส่วนของต้นตะเคียนขึ้นมาได้ถึง 11 ชิ้น
นางปริศนา พิมพ์สวรรค์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/3 หมู่ 1 ต.ชัยฤทธิ์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง กล่าวว่า ได้รับการบอกกล่าวจากร่างทรงว่า จะนำต้นตะเคียนของแม่จำปีแก้วขึ้นจากน้ำวันนี้ หลังจากที่จมอยู่ในแม่น้ำมาเป็นเวลานานมากแล้ว โดยทำพิธีเชิญขึ้นจากน้ำ
“เดิมทีมีต้นตะเคียนขึ้นอยู่คู่กันบริเวณหน้าวัดจำนวน 2 ต้น แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้ามาทำการเดินสายไฟ ด้วยความที่ไม่รู้ จึงได้ตัดต้นตะเคียนทิ้ง จนต่อมาเจ้าแม่ตะเคียน จึงได้ไปเข้าประทับทรง ร้องไห้บอกว่า ตนเองชื่อแม่จำปาแก้ว ยังมีน้องสาวจมอยู่ในน้ำชื่อแม่จำปีแก้ว ให้ชาวบ้านช่วยเชิญขึ้นมาแล้วสร้างศาลให้อยู่ด้วยกัน ชาวบ้านจึงไปปรึกษาเพื่อนำขึ้นมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา และจะสร้างศาลให้อยู่คู่กันต่อไป” นางปริศนากล่าว
สำหรับบรรยากาศการนำต้นตะเคียนขึ้นจากแม่น้ำเจ้าพระยา มีชาวบ้านที่รู้ข่าวแห่กันมามุงดูจำนวนมาก โดยส่วนหนึ่งไปรุมดูอยู่ที่บาตรน้ำมนต์ เพื่อตีเป็นเลขเด็ด นำไปเสี่ยงดวงกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น